ญี่ปุ่น ซื้ออะไรดี

ญี่ปุ่น ซื้ออะไรดี หากจะบอกว่าญี่ปุ่นเป็นสวรรค์ของนักช้อปคุณคิดถูกแล้ว เพราะเป็นจุดเริ่มต้นของหลากหลายแบรนด์ ไม่ว่าจะเป็น เครื่องสำอาง เครื่องใช้ไฟฟ้า ไปจนถึง ขนมแบรนด์ดัง หลากหลายแบรนด์ แน่นอนว่า ต้องถูกกว่าซื้อที่ไทยแน่นอน แล้วมีสินค้าอะไรน่าซื้อเมื่อไปญี่ปุ่นบ้าง ตามมาเลย!!!!

ไป ญี่ปุ่น ซื้ออะไรดี สิ่งที่ห้ามพลาดเด็ดขาด !! 

ญี่ปุ่น ซื้ออะไรดี ช่วงนี้กระแสท่องเที่ยวญี่ปุ่นมาแรงมาก เพราะสามารถเดินทางได้โดยไม่ต้องใช้วีซ่า ตั๋วเครื่องบินมีราคาไม่แพง ที่พักมีให้เลือกเยอะมาก สิ่งหนึ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้สำหรับคนไทย คือการช้อปปิ้งซื้อของฝาก. สำหรับผู้เริ่มต้น คุณอาจนึกไม่ออกว่าสินค้าญี่ปุ่นชิ้นไหนน่าซื้อ ถูกกว่าประเทศเราเพราะอะไร? จะซื้อทุกอย่างคงแบกไม่ไหว ต้องดูตัวเป็นๆ

1. สตรอว์เบอร์รี่ (Strawberry)

หากนึกถึงผลไม้ขึ้นชื่อของญี่ปุ่น เชื่อว่า สตรอว์เบอร์รีพันธุ์นี้ต้องเป็นตัวเลือกอันดับต้นๆ ของใครหลายคน ญี่ปุ่นถือเป็นภูมิภาคที่ปลูกสตรอว์เบอร์รีมากเป็นอันดับต้นๆ ของโลก รสชาติก็แตกต่างกันไปตามสายพันธุ์ ไม่ว่าจะเป็น Saka Honoka สีอาจไม่แดงมากหากรสชาติหวานฉ่ำไม่มีรสเปรี้ยว พันธุ์โทจิโอโตเมะ รูปร่างเรียว แต่รสชาติหวานมากอมเปรี้ยวนิดๆ และพันธุ์เบนิฮอปเป้ ลูกกลมโต สีแดงสด หวาน หอม อมเปรี้ยวนิดๆ ราคานี้เรียกว่าคุ้มกว่าไทยเยอะ เริ่มต้นซองละ 400 -500 เยน ราคาแล้วแต่ระดับความพรีเมี่ยมโดยบางพันธุ์มีขายเฉพาะในญี่ปุ่น โดยจะเปิดจำหน่ายตั้งแต่เดือนพฤศจิกายนจนถึงเดือนพฤษภาคมของทุกปี

แนะนำสถานที่ซื้อ: ซุปเปอร์มาร์เก็ตและตลาดนัดทั่วไป

2. ฟิกเกอร์โมเดลต่างๆ (model and figure)

โมเดลคาแร็กเตอร์ของญี่ปุ่นหลายตัว เช่น Gundam แม้ว่าราคาจะไม่ต่างกันมากนัก แต่มีจำนวนมากให้เลือก หรือโมเดลฟิกเกอร์ตัวเล็กน่ารักเพราะราคาที่ซื้อที่ญี่ปุ่นเรียกว่าบางร้านถูกกว่าไทยครึ่งต่อครึ่ง แถมยังมีให้เลือกเยอะจนตาลายอีกด้วย รุ่นไหนหายากในไทยรับรองว่าหาเจอแน่นอน
สถานที่ซื้อที่แนะนำ: ย่านอากิฮาบาระ (โตเกียว), ห้างสรรพสินค้า Nakano Broadway (โตเกียว) และ Nipponbashi Den Den Town (โอซาก้า)

3. รองเท้าผ้าใบ รุ่น Made in Japan (Sneaker)

โดยเฉพาะแบรนด์โอนิซิกะ ไทเกอร์ ในไทยไม่ค่อยมีส่วนลด แต่ที่นั่นมีส่วนลดเกือบทุกร้าน อีกทั้งถ้าเป็นรุ่น Made in Japan อาจจะพบว่าถูกกว่าเมืองไทยมาก

สถานที่ซื้อที่แนะนำ: ตามร้านค้าอย่างเป็นทางการที่สามารถพบเห็นได้ทั่วไปตามศูนย์การค้ายอดนิยมทั่วประเทศ รวมถึงร้านรองเท้าอย่าง ABC-Mart ด้วย

4. ช็อกโกแลตรอยซ์ (ROYCE’ Chocolate)

ชื่อนี้รับประกันความอร่อยว่าช็อกโกแลตนี้ถูกใจแน่นอน ถ้าใครชอบแบบละลายในปาก Nama Chocolate ราคากล่องละ 660 เยน หรือถ้าใครชอบมันฝรั่งแต่ยังกินช็อกโกแลตไม่จุใจ Potatochip Chocolate ราคาเพียง 720 เยน น่าเอากลับไทย
สถานที่ซื้อที่แนะนำ: Takeya Ueno Purple Building (Tokyo) และร้านขายของที่ระลึกในสนามบินทุกแห่งในญี่ปุ่น

5. เครื่องสำอาง (Cosmetics)

ด้วยความที่ญี่ปุ่นนั้นถือเป็นประเทศชั้นนำระดับเอเชียและหลายๆแบรนด์ของที่นี่ก็ติดอันดับโลกอีกต่างหาก แน่นอนว่าซื้อที่ญี่ปุ่นนั้นต้องถูกกว่าไทยแน่ๆ ที่สำคัญยังได้เกี่ยวคอลเลคชั่นที่เพิ่งออกใหม่สดๆร้อนก่อนลงไทยอีกด้วย อย่างแบรนด์ Canmake ที่แพ็คเก็จก็น่ารัก ราคาเบาๆ แถมใช้ดีจนต้องบอกต่อ DAISO อ๊ะๆอย่าดูถูกว่าราคาแค่ 100 เยนจะไม่ดี เพราะใช้ดีมากจนต้องซื้อตุนไว้เยอะๆ CEZANNE เด่นที่แป้งทั้งเบาบางและเนี๊ยบกริบๆ และVisée ที่ยังไม่มีในไทยการันตีความฮอทด้วยรางวัลจากเว็บไซต์ cosme.net ของหลายๆตัว

แนะนำสถานที่ซื้อ : ร้าน Drug Store ทั่วญี่ปุ่น และร้าน 100 เยนทั่วญี่ปุ่น

6. วิตามิน DHC (Vitamins DHC)

วิตามินแบรนด์ DHC ที่ขึ้นชื่อว่าฮิตตลอดกาลเพราะของเค้าดีจริง มีลายให้เลือกมากมาย จะเป็นแนวป้องกันหวัด สู่ความงามผิวพรรณผ่องใส ตัวนี้แนะนำอย่าง DHC Mixed Vegetable สารสกัดผัดที่คนท้องผูกต้องมี ดีจริง และ DHC Meriroto สารสกัดจากถั่วที่ยิ่งเดินยิ่งต้องซื้อ เพราะตัวนี้จะเด่นเรื่องสรรพคุณลดปวดบวม

สถานที่ซื้อที่แนะนำ: ร้านขายยาทั่วประเทศญี่ปุ่น

7. สินค้ามือสอง (Second-hand)

ใครไม่สนว่าเป็นของมือสองแต่เน้นของดีของถูก เนื่องจากสินค้ามือสองที่เจ้าของขายเองเป็นที่นิยมอย่างมากในญี่ปุ่น มีทั้งเสื้อผ้า กระเป๋า น้ำหอม ตั้งแต่แบรนด์เนมทั่วไป หรือถ้าไม่แน่ใจว่าจะซื้อที่ร้านก็มีร้านดังอย่าง Book Off ที่มีทุกอย่างให้เลือก รับประกันว่าเป็นของแท้แน่นอน
สถานที่ซื้อที่แนะนำ: ตลาดนัดทั่วญี่ปุ่นและร้าน Book Off ทุกสาขา

8. เสื้อผ้าจากยูนิโค่ (Uniqlo)

เสื้อผ้าและเครื่องประดับอาจมีให้เลือกคล้ายกัน และราคาถูกกว่าเล็กน้อย แต่เสื้อกันหนาวและอุปกรณ์กันหนาวของยูนิโคล่ในญี่ปุ่นมีให้เลือกหลากหลายที่สุด และถ้าเป็นของลดราคาก็ยิ่งถูกลงไปอีก หลายคนถึงกับถือโอกาสหนีหนาวเป็นพิธีแล้วมาช้อปปิ้งที่ญี่ปุ่นกันมากขึ้น โดยไม่ต้องแบกน้ำหนักขา (ระวังขากลับ นิดนึง ช้อปไม่สนุก) แถมถูกกว่าเมืองไทยอีก เรียกว่าดีสองทาง นอกจากนี้ยังมีแบรนด์น้องสาวชื่อ GU ซึ่งมีราคาถูกกว่า Uniqlo และดูอ่อนกว่าวัยอีกด้วย
สถานที่ซื้อที่แนะนำ: ร้าน Uniqlo หรือร้าน GU มีให้ช้อปทั่วประเทศญี่ปุ่น

9. อุปกรณ์ทำผม (Hairdresser)

อุปกรณ์ทำผม-ญี่ปุ่น ครบครัน หากคุณกำลังมองหาอะไร คุณสามารถช่วยอะไร ไม่ว่าจะขนาดไหน รอกแบบไหน ก็ใช้ง่าย ถูก และได้ผลดีที่สุด แถมยังพกพาสะดวกไม่กินพื้นที่อีกด้วย

สถานที่ซื้อที่แนะนำ: ร้าน 100 เยนทั่วประเทศญี่ปุ่น

10. น้ำมันดอกสึบากิ (Tsubaki Oil)

สุดยอดน้ำมันอเนกประสงค์ที่ใช้บำรุงเส้นผมนี้เรียกได้ว่าไม่มีใครเทียบได้ชั้นหนึ่ง ผมเสียแค่ไหนก็ลองดูสักแป๊บก็กลับมาเงางามได้ไม่ยาก หรือจะทาเป็นครีมบำรุงผิวหน้าให้ดูชุ่มชื่นและชะลอริ้วรอยก่อนวัยก็ได้ ยี่ห้อที่ดังที่สุดน่าจะเป็น Ooshima Tsubaki ขนาด 40 ml ราคาประมาณ 1,000 เยน

สถานที่ซื้อที่แนะนำ: ร้านขายยาทั่วประเทศญี่ปุ่น

11. กระดาษซับมันโยจิยะ (Abura Tori Gami Yojiya)

ใครหน้ามันยกมือขึ้นเดี๋ยวมาจัดตัวนี้เลย เพราะบทบรรยายดีมาก แบรนด์นี้ ถือเป็นสุดยอดกระดาษซับมันที่ผู้หญิงทุกคนต้องมี รับรองว่าหน้าไม่เยิ้มและไม่ทำให้เมคอัพหลุดตลอดวัน เหมาะกับการใช้งานในประเทศไทย

สถานที่ซื้อที่แนะนำ: สาขา Yojiya Gion และวัด Kiyomizu (เกียวโต)

12. ราเมงสำเร็จรูป (Instant Noodles)

เที่ยวถิ่นต้นตำรับอย่างญี่ปุ่นคงไม่ได้ เพราะมีรสชาติให้เลือกนับไม่ถ้วน นอกจากนี้ รสชาติยังอร่อยไม่แพ้ทานที่ร้านเลย เมนูแนะนำของเราคือ Nakiryu Dandan จาก Nissin ราเมงถ้วยระดับมิชลินสตาร์ที่เต็มไปด้วยส่วนผสมและซุปเผ็ดกลมกล่อมที่แทบจะเอาชนะร้านดังได้

สถานที่ซื้อที่แนะนำ: ซูเปอร์มาร์เก็ตและร้านสะดวกซื้อทั่วไป

บทความแนะนำ

ออนเซนญี่ปุ่น

ฮาราจูกุ ญี่ปุ่น